พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ

  • แอล. แฟรงก์ โบม เขียน
  • ดับเบิลยู. ดับเบิลยู. เดนสโลว์ ภาพประกอบ
  • ชาญวิทย์ เกษตรศิริ แปลและเรียบเรียง
  • ขนาดรูปเล่ม : ๑๔.๓ x ๑๘.๕ ซม.
  • เนื้อในพิมพ์ ๑ สี ๒๐๖ หน้า พิมพ์ ๒ สี ๑๓๐ หน้า พิมพ์ ๔ สี ๒๔ หน้า บนกระดาษกรีนรีด ๗๕ แกรม จำนวน ๓๖๐ หน้า
  • เข้าเล่มโดยการเย็บกี่ ปกอ่อนมีปีก พิมพ์ ๔ สี บนกระดาษการ์ดขาว ๒๓๐ แกรม ด้านหลังกระดาษปกพิมพ์ย้อมให้สีเหมือนสีกระดาษเนื้อใน เคลือบปกด้วยวอเตอร์เบสด้าน
  • ราคาปก : ๓๕๐ บาท

เรื่องย่อ

โดโรธีและโตโต้ติดอยู่ในบ้าน ซึ่งถูกถอนหลุดออกจากพื้น ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยแรงลมมหาศาล แล้วลงสู่พื้นอย่างนุ่มนวลเท่าที่พายุไซโคลนจะทำได้  ภาพที่เธอได้เห็นเมื่อเปิดประตูออกมาคือแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และสวยสดงดงามต่างจากแคนซัสอย่างลิบลับ  แต่ความปรารถนาแรกของเธอก็คือการได้กลับบ้าน และเมื่อได้รับคำแนะนำจากชาวมันชกินส์ เธอก็ออกเดินทางไปตามถนนที่ปูด้วยอิฐสีเหลือง แล้วเธอก็ได้สหายมาร่วมทางอีกสามราย คือหุ่นไล่กาที่ต้องการสมอง ชายตัดไม้ดีบุกที่ต้องการหัวใจ และสิงห์โตขี้ขลาดที่ต้องการความกล้าหาญ  โดโรธีกับสหายทั้งสามต่างเชื่อว่าออซจะช่วยให้พวกเขาได้รับในสิ่งที่ปรารถนา

เส้นทางสู่เมืองมรกต มีทั้งเหวลึก ที่ลึกและชันจนไม่มีใครปีนลงไปได้ มีทั้งสัตว์ดุร้ายมีรูปลักษณ์ครึ่งเสือครึ่งหมีเรียกว่า กาไลดาห์ ที่สามารถข่มขวัญสัตว์ร้ายทุกชนิด และมีแม่น้ำกว้างใหญ่ไหลเชี่ยวที่กั้นขวางฟากหนึ่ง ไว้จากอีกฟากหนึ่ง ให้เหมือนอยู่กันคนละโลก รวมถึงทุ่งป็อปปีที่แผ่ไกลสุดลูกหูลูกตา ซึ่งหากใครเดินพลัดเข้าไปในนั้น ก็ต้องสูดดมกลิ่นอันตราย ซึ่งจะทำให้ผล็อยหลับลงในไม่ช้า 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็พิชิตอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ และสามารถบรรลุถึงเมืองมรกตแห่งออซ แต่เมื่อได้พบพ่อมดออซ พ่อมดกลับมีเงื่อนไขให้ทั้งหมดต้องกำจัดแม่มดแห่งทิศตะวันตกที่ชั่วร้ายเสียก่อน เขาจึงจะช่วยให้แต่ละรายได้รับสิ่งที่ตนปรารถนา คณะเดินทางจึงต้องออกเดินทางกันอีกครั้ง  การกำจัดแม่มดชั่วร้ายนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาต้องเผชิญกับบรรดาสมุนของนาง ทั้งฝูงหมาป่า ฝูงกา ฝูงผึ้ง พวกวินกีส์ และในที่สุดเมื่อถึงคราวของฝูงลิงติดปีก คณะเดินทางก็ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่สุดแสนจะเลวร้าย  ชายตัดไม้ดีบุกถูกหิ้วไปปล่อยกลางอากาศ ซึ่งเบื้องล่างคือเหวลึกที่ดาดด้วยหินแหลมคม  หุ่นไล่กาถูกควักฟางออกจนหมด แล้วเอาสิ่งห่อหุ้มร่างกายของเขาทั้งหมด ได้แก่ หมวก รองเท้าบูต และเสื้อผ้า มามัดรวมเป็นก้อนเล็กๆ แล้วโยนขึ้นไปค้างไว้บนกิ่งไม้สูง  สิงโตถูกมัดด้วยเชือกแข็งๆ แล้วนำไปขังในสนามเล็กของปราสาทแม่มด  พวกมันอุ้มโดโรธีกับโตโต้ไปปล่อยไว้ที่ปราสาทด้วย  แม้ว่าแม่มดชั่วร้ายแห่งทิศตะวันตกไม่กล้าทำร้ายโดโรธี เพราะเธอมีรอยจุมพิตจากแม่มดแห่งทิศเหนือที่กลางหน้าผาก และยังเป็นผู้ครอบครองรองเท้ากายสิทธิ์ของแม่มดแห่งทิศตะวันออก  แต่นางก็ใช้ให้โดโรธีทำงานหนัก และใช้เล่ห์เหลี่ยมขโมยรองเท้ากายสิทธิ์มาได้ข้างหนึ่ง เรื่องนี้ทำให้โดโรธีโกรธมาก จึงฉวยถังน้ำใกล้มือมาสาดใส่นาง และนั่นคือกาลอวสานของนางแม่มด

เมื่อนางแม่มดตายแล้ว โดโรธีก็ปลดปล่อยพวกวิงกีส์จากการตกเป็นทาส แล้วพวกวิงกีส์ที่ซาบซึ้งในบุญคุณ ก็ช่วยตามหาซากของหุ่นไล่กากับชายตัดไม้ดีบุก แล้วก็ช่วยกันซ่อมบำรุงจนทั้งสองกลับมาดียิ่งกว่าเดิม จากนั้นพวกเขาก็อาศัยหมวกวิเศษจากนางแม่มดเรียกลิงติดปีกให้มาช่วยพากลับไปยังเมืองมรกต

คราวนี้เมื่อเผชิญหน้ากันอีกครั้ง พ่อมดออซก็ถูกจับได้ว่าเวทมนตร์ต่างๆล้วนเป็นเพียงการเล่นกล แต่กระนั้นเขาก็แก้ตัวได้ดี  เขาเอาเข็มและหมุดผสมกับสิ่งต่างๆ ยัดใส่หัวหุ่นไล่กา ทำให้มันรู้สึกว่ามีสมองอันเฉลียวฉลาดอยู่ในหัวของมัน  และเมื่อพ่อมดใส่หมอนเล็กๆรูปหัวใจเข้าไปในทรวงอกของชายตัดไม้ดีบุก เขาก็รู้สึกว่าหัวใจดวงนี้ มีน้ำใจอันอบอุ่น และเต้นได้แข็งแรงดี  ต่อมาเมื่อพ่อมดก็ผสมเครื่องดื่มสีเขียวให้กับสิงโต เมื่อดื่มแล้วมันก็รู้สึกคึกคักกล้าหาญขึ้นมาทันใด  สำหรับโดโรธี พ่อมดตัดสินใจจะให้เธอกลับแคนซัสด้วยบอลลูน แต่เมื่อถึงเวลาเดินทาง ขณะโดโรธีตามหาโตโต้ บอลลูนที่เขาตั้งใจจะโดยสารพร้อมกับเธอก็หลุดลอยไปเสียก่อน  เขาอยู่บนบอลลูน แต่โดโรธีถูกทิ้งไว้ที่เมืองมรกต

หุ่นไล่กา ชายตัดไม้ดีบุก และสิงโตขี้ขลาด รู้สึกทุกข์ใจที่โดโรธียังไม่ได้กลับบ้าน สามสหายจึงอาสาร่วมออกเดินทางไปพบ กลินดา แม่มดแห่งทิศใต้ ซึ่งเป็นแม่มดที่ดี และมีเวทย์มนตร์มากที่สุด โดยหวังว่านางจะช่วยพาโดโรธีกลับแคนซัสได้  คราวนี้พวกเขาต้องผ่านเส้นทางที่มีต้นไม้ซุ่มโจมตี ได้เห็นดินแดนตุ๊กตากระเบื้องบอบบาง และเมื่อไม่สามารถฝ่าด่านของพวกหัวฆ้อนไปได้ง่ายๆ พวกเขาก็ใช้หมวกวิเศษเรียกลิงติดปีกมาอีกครั้ง และครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่ลิงติดปีกจะต้องทำตามบัญชาของเจ้าของหมวก